วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Program 6.1 and Program 6.2

รูปทรงและที่ว่างแห่งอริยบท
        ในโปรแกรมนี้ให้ทำเป็นคู่ค่ะ  สำหรับงานให้เลือกวัสดุที่สนใจมาอย่างน้อย2วัสดุ เพื่อศึกษาและทดลองถึงคุณสมบัติ(ศักยภาพและข้อจำกัด) ซึ่งเป็นวัสดุในการสร้างรูปทรงและที่ว่าง 3 มิติ ที่สามารถคงรูปได้ โดยเลือกใช้เทคนิคในการขึ้นรูปทรง อย่างน้อย 2 เทคนิค

ในครั้งแรก เราได้เลือกวัสดุที่ใช้ทดลองมา คือ ไม้ตะเกียบ(1.ใช้วิธีพาดทับกันแล้วติดกาว ) ฝาจีบ (1.วิธีการบากฝาแล้วเสียบกัน 2.การหนีบฝาให้แบนโดยปลายแบน หัวกว้างกว่า แล้วมาต่อกัน 3.การล๊อคกัน) ลวดริบบิ้น(นำมาสานกัน ขัดกัน)  ลวด(นำมาเกี่ยวกัน) เส้นเอ็น(นำมาสานกันแต่ไม่สามารถคงรูปอยู่ได้เลย)
ซึ่งในครั้งนี้เราได้เลือก ฝาจีบ เพื่อนำไปพัฒนาต่อ เพราะฝาจีบมีความแข็งแรง และยืดหยุ่น

ในครั้งที่สอง เราได้นำฝาจีบมาค้นหาวิธีการต่อที่มากขึ้น เพื่อนำสร้างเป็นรูปทรง3มิติ สิ่งที่เพิ่มมาคือมีการนำฝามาทุบ บาก นำมาเสียบกันและพับ 

ในครั้งที่สาม เป็นการขึ้นรูปทรง 3 มิติ และที่ว่าง วัสดุและวิธีการที่เลือก 
             แต่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นค่ะ  คือในการทดลองต่อแบบวิธีในครั้งที่สอง เราได้ทดลองความยาวไม่มาก  แต่พอเรานำมาต่อให้เกิดรูปทรงจริง มันมีน้ำหนักที่มาก และถ่วงน้ำหนักค่ะ ทำให้ขึ้นรูปทรงได้ยาก มีข้อจำกัด และไม่สามารถคงรูปอยู่ได้ 

ชิ้นส่วนหลุดออกจากกันค่ะ


ในครั้งที่สี่และครั้งที่ห้า ได้ทดลองนำวิธีการต่อแบบเดิมในครั้งแรกมาพัฒนาให้มีความสามาถในการขึ้นรูปทรง สร้างที่ว่างได้ และมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น และทดลองสร้างรูปทรงขึ้น ซึ่งรูปทรง 3มิติ จะต้องรองรับอริยบท อย่างน้อย 1อริยบทของมนุษย์

อุปกรณ์

ในครั้งที่หก  สร้างรูปทรงและที่ว่างขึ้น


front

plan

side



อริยบทการนั่ง


<><><><><> 
<><><><><> 
สภาพแวดล้อมที่เลือกในการจัดตั้งรูปทรง
   

Trip

          สำหรับการไปทัศนศึกษาในครั้งนี้ ต้องเลือกวิเคราะห์ชิ้นงานศิลปะ นิเทศศิลป์ ผลิตภัณฑ์  สถาปัตยกรรมภายใน หรือสถาปัตยกรรม 1 ชิ้น แล้ววิเคราะห์ผลงานค่ะ
            สถานที่ ที่ได้เลือกไปทัศนศึกษาก็มี 2 ที่ คือพิพิธภัณฑ์วีอาร์ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ (VR Muesum ) หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ( BACC )

ผลงานที่เลือกมานี้เป็นผลงานจาก หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ( BACC ) ในนิทรรศการ "ลีลาของลายใหม่"
 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมนิทรรศการ                                                                                                                                           http://www.bacc.or.th/exhibition/detail/guid/cdb7ead11778cbb1fa7d09a3d9e4e1b6

ภาพที่เลือกมาวิเคราะห์




ภาพนี้เกิดจากการนำเศษผ้า มาม้วนแล้วนำมาต่อกันให้เกิดเป็นภาพ

นี้คือผลงานที่นำเสนอจากการวิเคราะห์ค่ะ
ภาพอื่นๆเล็กๆน้อยๆจากทัศนศึกษา

program 5.3

Symbolic Meaning / Three-Dimensional Space /Environment
           โปรแกรมนี้ยังคงใช้รูปทรงธรรมชาติที่เกิดจากการลดทอนอยู่นะค่ะ แต่ในคราวนี้ จะเป็นการออกแบบรูปทรง3มิติ ให้สัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม  ซึ่งจะต้องมีการเลือกสถานที่ ที่งาน3 มิติของเราจะไปตั้งอยู่ สถานที่จะต้องเป็นในคณะเท่านั้นค่ะ
                                ภาพด้านบนเป็นสถานที่ที่เลือกมาตัดสินใจค่ะ
 สถานที่ที่ต้องการก็คือ  ที่เป็นพื้นดิน มีต้นไม้ และมีแดด เพราะต้นหยกเกิดมาจากดิน และเป็นพืชที่เป็นไม้เขตร้อน ลักษณะคล้ายพวกกระบองเพชร



แต่ภายในคณะสถานที่ ที่คล้ายกับความต้องการก็มีเพียงตรงนี้ค่ะ แต่มีต้นไม้ทึบ มีแสงแดด ลอดเข้ามาบ้าง แต่ถ้าคำนึ่งถึงการเข้าใช้งานของรูปทรง 3 มิติ ถือว่าดีเลยค่ะ
    ภาพนี้เป็น plan ของสถานที่ค่ะ โดยวัดระยะแล้วได้ตามรูป

สำหรับรูปทรง 3 มิติ

จากการลดทอนรูปทรงต้นหยก ก็ได้นำรูปทรงดังกล่าวมาต่อกันดังภาพ 


        ทดลองทำโมเดลขนาดเล็กมาเสนออาจารย์และนำมาเปรียบเทียบกับสถานที่เพื่อหามุม และขนาดที่พอเหมาะ ในการสร้างขึ้นจริง

     คนสามารถเดินลอดผ่านด้านหน้าได้ และขนาดของยูนิตย่อย สามารถรองรับการนั่งของคนได้




ภาพนี้คือ โมเดลจริงที่ใช้ส่งอาจารย์ มีขนาดฐาน 30 x 30 เซนติเมตร

program 5.2

 การสื่อความหมาย / รูปทรงเปิด / แสงสว่าง
          Meaning / open Form / Lighting

         สำหรับงานชิ้นนี้ให้ออกแบบรูปทรงเปิด เพื่อใช้เป็น โคมไฟ!!
โดยใช้รูปทรงจากธรรมชาติที่เราได้ลดทอนมาแล้วจาก โปรแกรม 5.1
สำหรับการจัดองค์ประกอบ ของรูปทรงโคมไฟ การเลือกวิธีตั้งหรือการแขวนยังคงต้องคำนึ่งถึงลักษณะจากการวิเคราะห์ต้นหยกอยู่

         จากภาพโคมไฟ สามารถทั้งตั้งและแขวนได้ ก็เพราะ เหตุผลของความสามารถในการใช้งาน แม้ว่าต้นหยกจะเกิดมาจากดินควรใช้วิธีแบบตั้งพื้นเพื่อเป็นการสื่อความหมายจากการวิเคราะห์ที่ถูกต้อง แต่โคมไฟมีความสัมพันธ์กับการใช้งานของมนุษย์ ถ้าทั้งตั้งและแขวนได้ ก็จะสะดวกในการใช้งานมากกว่า



สามารถเปลี่ยนทิศทางสายไฟได้  เพื่อให้ตั้งและแขวนได้



แบบตั้งได้

แบบแขวน


               การเรียงตัวของรูปร่างย่อยที่ได้จากการลดทอนนำมาต่อกัน แล้วไล่ระดับจากเล็กไปหาใหญ่ จากฐานขึ้นมาด้านบน เพราะว่ามาจากฐานของต้นหยกที่มีขนาดเล็ก ส่วนบนจะแผ่กว้างกว่า

               นอกจากนี้ด้วยรูปทรงย่อยที่มีลักษณะคดโค้ง เมื่อต่อกันไปเรื่อยๆทำให้มีการขดกันไปมา มีส่วนที่ซ้อนทับกันและส่วนที่โล่ง จึงเกิดแสงที่สวยงาม

วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2554

program5.1

สำหรับ Program นี้มีชื่อว่า  แต๊นนน..
รูปทรงธรรมชาติ / ความหมายและเทคนิคการสื่อความหมาย
 (Natural form / Meaning & Technique)
            คือให้ศึกษารูปทรงธรรมชาติ 1 ชนิดที่สนใจ แล้วนำมาลดทอนรูปแบบในส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด ที่สามารถอ้างอิงคุณสมบัติ หรือเอกลักษณ์สิ่งมีชีวิตนั้น ๆ เพื่อนำไปพัฒนาเป็นรูปทรง 3 มิติ ต่อไป ...

ทำไมถึงเลือกต้นหยก?  เพราะว่ามันมีเหตุการณ์ค่ะ  ขณะที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ พืช มากมายหลายหลากที่น่าสนใจๆที่ห้องคอมของคณะ มันก็ยังไม่พบอะไรที่สะดุดตา มากพอ  จนกระทั่งได้เดินผ่านบริเวณระเบียงของชั้นนั้น แล้วเพิ่งสังเกตุเห็นว่า มีต้นเหลืองๆอยู่ต้นหนึ่งลักษณะมันสะดุดตามาก  แปลกและรูปร่างน่าสนใจ ก็เลย ทั้งถามเพื่อน หาข้อมูล จนรู้ว่าสิ่งนั้นคือ ต้นหยก

หยก มีรูปแบบการเจริญเติบโตแตกต่างกัน แบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะ คือ




1. แตกเป็นรูปเขากวาง (Forming a cluster)









2. แผ่เป็นรูปพัด (fan shaped)











3. แบบคลื่น (branched crested)






 

             ข้างล่างนี้เป็นสเก็ดดีไซด์แบบคร่าวๆ ของต้นหยกที่เลือกมา   อาจมองไม่ค่อยชัดนะค่ะ เพราะเป็นกระดาษร่าง ที่บางแสนบาง - -" 

เห็นไหมค่ะ  เบลอ นิดๆ เพราะเขียนบางไปหน่อย
ภาพนี้ได้ลดทอนรูปร่างของต้นหยกให้เป็นรูปร่างอย่างง่าย

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Program 3.2


           สำหรับโปรแกรมนี้ให้ออกแบบงานทัศนศิลป์ 2 มิติ 2ภาพ โดยใช้ทฤษฎีสีและเทคนิคการจัดองค์ประกอบแบบต่างๆ เสนอผลงานศิลปะในแบบ impressionism และ cubism
  

        ผลงานต้นแบบ   
   



 cubism



 
impressionism


การกลับมา และ Program 3.1

กลับมีอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนาน ค่ะ
       ได้ฤกษ์แล้วที่จะมาแสดงผลงาน  เนื่องจาก ได้งานคืนมาแล้วค่ะ
        อันดับแรกขอย้อนกลับไป Program 3.1 เนื่องจากเพิ่งได้คืนมา 

Program 3.1 The Meaning of Nature's colors
   สีของสรรพสิ่งในธรรมชาติ

        เพื่อให้เข้าใจทฤษฎีสี ให้ออกแบบงานทัศนศิลป์ 2 มิติ 1ภาพ เลือกใช้สีตามทฤษฎีโครงสร้าง(Color Scheme) คู่กับเทคนิคน้ำหนักความสว่างของสี (Color Value) หรือเทคนิคการลดความสดของสี (Intensity) อย่างใดอย่างหนึ่ง มีลำดับของสี 5 ลำดับเป็นอย่างน้อย โดยนำโครงสีที่มีในธรรมชาติมาประยุกต์ใช้


 ได้แรงบันดาลใจมาจาก วงปี ของต้นไม้ค่ะ
ทฤษฎีโครงสีที่ใช้คือ Monochrome
เทคนิคน้ำหนักความสว่างของสี (Color Value)
คะแนนที่ออกมา แอบน่ากลัวค่ะ T T ไม่ขอเปิดเผย 55555+